ภาพประกอบข่าว: “อรรถกร” ซัดสส.ส้มใส่ร้ายโควตาหวยคนพิการ ยันไม่มีสักใบไม่หยุดขู่ฟ้อง ชี้เอาแต่ยอดไลค์สะท้อนวุฒิภาวะ
เครดิตภาพ: MGROnline

อรรถกร ศิริลัทธยากร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ได้ออกมาตอบโต้กรณีที่ น.ส.พนิดา มงคลสวัสดิ์ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคก้าวไกล ออกมาระบุว่าได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้พิการรายหนึ่งว่าตนได้รับโควตาสลากกินแบ่งรัฐบาล (หวย) จำนวน 50,000 เล่ม และนำไปขายต่อ โดยนายอรรถกรยืนยันอย่างหนักแน่นว่าข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริง ตนไม่เคยได้รับโควตาสลากฯ แม้แต่ใบเดียว และกล่าวหาว่าส.ส.พรรคก้าวไกลนำข้อมูลอันเป็นเท็จมาเผยแพร่โดยไม่ตรวจสอบข้อเท็จจริง หวังผลเพียงเพื่อสร้างกระแสและยอดไลค์บนโซเชียลมีเดีย สะท้อนถึงการขาดวุฒิภาวะทางการเมือง

ประเด็นสำคัญจาก: “อรรถกร” ซัดสส.ส้มใส่ร้ายโควตาหวยคนพิการ ยันไม่มีสักใบไม่หยุดขู่ฟ้อง ชี้เอาแต่ยอดไลค์สะท้อนวุฒิภาวะ

ประเด็นขัดแย้งนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อ น.ส.พนิดา มงคลสวัสดิ์ ส.ส.พรรคก้าวไกล ได้ออกมาโพสต์ข้อความบนสื่อสังคมออนไลน์ โดยอ้างถึงการร้องเรียนจากผู้พิการรายหนึ่งที่กล่าวหาว่านายอรรถกร ศิริลัทธยากร ได้รับจัดสรรโควตาสลากกินแบ่งรัฐบาลถึง 50,000 เล่ม และมีการนำไปขายต่อเพื่อทำกำไร ซึ่งเป็นประเด็นที่สร้างความกังวลและข้อสงสัยในสังคมเกี่ยวกับความโปร่งใสในการจัดสรรโควตาสลากฯ สำหรับผู้พิการ น.ส.พนิดาได้เรียกร้องให้นายอรรถกรออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงต่อสาธารณะ เพื่อคลายข้อกังขาและแสดงความรับผิดชอบหากมีข้อเท็จจริงตามที่ถูกกล่าวหา การออกมาเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวของ ส.ส.พรรคก้าวไกล ถือเป็นการนำเสนอประเด็นสาธารณะที่เกี่ยวข้องกับการจัดสรรทรัพยากรของรัฐ และเป็นการตรวจสอบการทำงานของสมาชิกสภานิติบัญญัติอื่น ๆ ซึ่งเป็นบทบาทสำคัญของการเป็นฝ่ายค้าน

อย่างไรก็ตาม ทางด้านนายอรรถกร ศิริลัทธยากร ได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวอย่างสิ้นเชิง โดยระบุว่าข้อมูลที่ น.ส.พนิดา นำมาเปิดเผยนั้นไม่ตรงกับความจริง ตนไม่เคยได้รับโควตาสลากกินแบ่งรัฐบาลตามที่ถูกกล่าวหาแม้แต่ใบเดียว อีกทั้งยังเน้นย้ำว่าตนมีหลักฐานยืนยันความบริสุทธิ์ และพร้อมที่จะนำเสนอต่อสาธารณะหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหากมีการดำเนินคดี นอกจากการปฏิเสธข้อกล่าวหาแล้ว นายอรรถกรยังได้ตั้งคำถามถึงเจตนาของ ส.ส.พรรคก้าวไกล ในการนำเสนอข้อมูลที่ยังไม่ได้รับการตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน โดยมองว่าเป็นการกระทำที่มุ่งหวังเพียงแค่สร้างกระแสความนิยมและยอดไลค์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย มากกว่าที่จะเป็นการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อประโยชน์สาธารณะอย่างแท้จริง การออกมาตอบโต้ของนายอรรถกร สะท้อนให้เห็นถึงความไม่พอใจต่อการถูกนำเสนอข้อมูลที่คลาดเคลื่อน และความไม่พอใจต่อวิธีการทำงานของฝ่ายตรงข้าม

รายละเอียดต่อยอดจากประเด็นข้างต้น

นายอรรถกรได้กล่าวถึงภูมิหลังของเรื่องนี้ว่า อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการสลากกินแบ่งรัฐบาลเพื่อผู้พิการ ซึ่งเป็นโครงการที่สำนักงานสลากฯ ได้จัดสรรโควตาให้กับกลุ่มผู้พิการโดยตรง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือและสร้างรายได้ให้กับผู้พิการ การที่ถูกกล่าวหาว่าได้รับโควตาจำนวนมากถึง 50,000 เล่ม ถือเป็นจำนวนที่สูงมากและไม่สมเหตุสมผลสำหรับบุคคลหนึ่ง นายอรรถกรจึงได้ท้าทายให้ น.ส.พนิดา นำหลักฐานมายืนยันข้อกล่าวหา หากไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนก็ไม่ควรนำเรื่องที่ไม่เป็นความจริงมาพูดในที่สาธารณะ การกระทำเช่นนี้ไม่เพียงแต่สร้างความเสียหายแก่ชื่อเสียงของบุคคล แต่ยังอาจส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของกระบวนการจัดสรรโควตาของสำนักงานสลากฯ อีกด้วย ซึ่งอาจนำไปสู่การเข้าใจผิดของประชาชนและสร้างความสับสนในวงกว้าง ดังนั้น การตรวจสอบข้อมูลอย่างละเอียดรอบคอบจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งก่อนที่จะมีการนำเสนอข่าวสารใดๆ ออกไป

เพื่อเป็นการแสดงจุดยืนและปกป้องสิทธิ์ของตนเอง นายอรรถกรได้ยืนยันว่าจะไม่มีการยอมความในกรณีนี้ และได้เตรียมดำเนินการทางกฎหมายเพื่อฟ้องร้องดำเนินคดีกับผู้ที่กล่าวหาและเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ การดำเนินคดีนี้จะมีผลต่อ น.ส.พนิดา มงคลสวัสดิ์ และผู้ที่เกี่ยวข้องกับการเผยแพร่ข้อมูลที่ไม่เป็นความจริงทั้งหมด หากไม่ได้มีการแก้ไขข้อมูลหรือออกมาขอโทษ โดยการฟ้องร้องนี้มีเป้าหมายเพื่อสร้างบรรทัดฐานในการนำเสนอข่าวสาร และเพื่อเตือนใจนักการเมืองให้มีความรับผิดชอบต่อข้อมูลที่ตนเองนำเสนอต่อสาธารณะ นายอรรถกรเชื่อว่าการกระทำของ ส.ส.พรรคก้าวไกลสะท้อนถึงการขาดวุฒิภาวะทางการเมืองที่มุ่งเน้นแต่ยอดไลค์และกระแสสังคมมากกว่าข้อเท็จจริง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงสำหรับการทำงานทางการเมืองของประเทศไทยในยุคปัจจุบัน ที่ข้อมูลข่าวสารสามารถแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วและสร้างผลกระทบได้ในวงกว้าง

สรุปข่าวทั้งหมด

กรณี โควตาสลากหวยคนพิการระหว่าง นายอรรถกร ศิริลัทธยากร และ น.ส.พนิดา มงคลสวัสดิ์ สะท้อนให้เห็นถึงความขัดแย้งทางการเมืองและการนำเสนอข้อมูลบนสื่อสังคมออนไลน์ที่อาจขาดการตรวจสอบอย่างรอบคอบ นายอรรถกรปฏิเสธข้อกล่าวหาอย่างแข็งขัน พร้อมขู่ฟ้องดำเนินคดี ขณะที่ น.ส.พนิดายังคงต้องนำเสนอหลักฐานเพื่อพิสูจน์ข้อกล่าวอ้างดังกล่าว ประเด็นนี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการตรวจสอบข้อเท็จจริงในยุคที่ข้อมูลข่าวสารแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อชื่อเสียงของบุคคลและสถาบัน การติดตามผลการดำเนินคดีและการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเป็นสิ่งสำคัญในการคลี่คลายประเด็นนี้ และอาจส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของทั้งบุคคลและพรรคการเมืองที่เกี่ยวข้องในอนาคต

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here