ภาพประกอบข่าว: แค่ 4.8 แสน! ยอดร้านค้า
เครดิตภาพ: MGROnline

แค่ 4.8 แสน! ยอดร้านค้าที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” ณ วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 10.00 น. อยู่ที่ประมาณ 480,317 ร้านค้า ซึ่งยังคงต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้พอสมควร ทำให้กระทรวงมหาดไทย (มท.) โดยสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้สั่งการด่วนที่สุดไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อระดมสรรพกำลังในการเร่งค้นหาและเชิญชวนร้านค้าและสถานประกอบการเข้าร่วมโครงการให้ได้มากที่สุด โดยเน้นย้ำไปที่พื้นที่ระดับตำบลและชุมชนเป็นสำคัญ ก่อนที่โครงการจะเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการในวันพรุ่งนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเร่งด่วนและความพยายามในการผลักดันให้โครงการนี้บรรลุผลตามเป้าประสงค์ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากและช่วยลดภาระค่าครองชีพของประชาชน

ประเด็นสำคัญจาก: แค่ 4.8 แสน! ยอดร้านค้า “คนละครึ่ง พลัส” ไม่เข้าเป้า “มท.” สั่งระดมสรรพกำลังทั่วปท. เน้น “ตําบล/ชุมชน” กว้าน! ธุรกิจฯ ก่อนคิ๊กออฟพรุ่งนี้

ประเด็นหลักของข่าวนี้คือความกังวลของกระทรวงมหาดไทยเกี่ยวกับยอดร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” ซึ่งยังไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ แม้จะใกล้ถึงวันเริ่มต้นโครงการแล้ว โดยข้อมูล ณ เวลา 10.00 น. ของวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2568 ระบุยอดร้านค้าที่ 480,317 ราย ซึ่งถือว่ายังห่างไกลจากความคาดหวัง เพื่อแก้ไขปัญหานี้ ปลัดกระทรวงมหาดไทยจึงได้ออกคำสั่งด่วนไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทุกแห่ง ให้เร่งดำเนินงานในการประชาสัมพันธ์และเชิญชวนร้านค้าและสถานประกอบการให้เข้าร่วมโครงการอย่างเข้มข้น

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การสั่งการครั้งนี้ได้เน้นย้ำถึงการใช้ศักยภาพของกลไกในพื้นที่ระดับตำบลและชุมชน ซึ่งรวมถึงหน่วยงานต่างๆ ภายใต้สังกัดกระทรวงมหาดไทย เช่น ที่ทำการปกครองจังหวัด สำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจังหวัด สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัด และสำนักงานที่ดินจังหวัด ตลอดจนบุคลากรในระดับอำเภอและตำบล เช่น นายอำเภอ ปลัดอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และเจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น ให้มีบทบาทสำคัญในการเข้าถึงผู้ประกอบการรายย่อย รวมถึงร้านขายปลีก ร้านอาหาร แผงลอย และบริการต่างๆ เพื่อให้โครงการครอบคลุมและเข้าถึงประชาชนในทุกพื้นที่ได้อย่างทั่วถึง

ความเร่งด่วนในการระดมสรรพกำลังในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญที่รัฐบาลให้กับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระดับฐานรากผ่านโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อลดภาระค่าครองชีพของประชาชนและกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศ โดยการมีร้านค้าเข้าร่วมจำนวนมากจะช่วยให้ประชาชนมีทางเลือกในการใช้จ่ายและได้รับประโยชน์จากโครงการนี้ได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ ยังเป็นการสร้างโอกาสให้กับผู้ประกอบการรายย่อยในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ และเพิ่มยอดขายในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจยังคงต้องการการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง การทำงานแบบบูรณาการของทุกหน่วยงานจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการผลักดันเป้าหมายนี้ให้สำเร็จลุล่วง

รายละเอียดต่อยอดจากประเด็นข้างต้น

คำสั่งของปลัดกระทรวงมหาดไทยได้ระบุถึงแนวทางการดำเนินงานอย่างชัดเจน โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการบริหารโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ขอความร่วมมือกับภาคส่วนต่าง ๆ เช่น หอการค้าจังหวัด สภาอุตสาหกรรมจังหวัด สมาคมท่องเที่ยว สภาเกษตรกรจังหวัด ธนาคารกรุงไทย และภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกันเชิญชวนร้านค้าและสถานประกอบการทุกประเภทให้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” ซึ่งครอบคลุมทั้งกลุ่มร้านค้าเดิมที่เคยเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งเฟส 1, 2 และ 3 รวมถึงร้านค้าใหม่ที่ยังไม่เคยลงทะเบียนมาก่อน การเชื่อมโยงกับภาคส่วนต่างๆ เหล่านี้จะช่วยให้ข้อมูลข่าวสารเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างกว้างขวางและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ยังมีการเน้นให้ใช้กลไกของ “ทีมปฏิบัติการ” หรือ “ทีมเดินดิน” ซึ่งประกอบด้วยเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่าง ๆ ในระดับอำเภอและตำบล ลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์ เชิญชวน และให้ความช่วยเหลือร้านค้าในการลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” โดยตรง การลงพื้นที่เชิงรุกนี้มีเป้าหมายเพื่อให้แน่ใจว่าทุกร้านค้าที่มีศักยภาพจะได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและครบถ้วน รวมถึงได้รับการสนับสนุนในกระบวนการลงทะเบียน ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคสำหรับผู้ประกอบการบางรายที่ไม่คุ้นเคยกับเทคโนโลยี การมีเจ้าหน้าที่คอยให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิดจะช่วยลดขั้นตอนความยุ่งยากและสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับเงื่อนไขและประโยชน์ของโครงการ ทำให้ร้านค้ามีความมั่นใจและตัดสินใจเข้าร่วมโครงการได้ง่ายขึ้น นับเป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการขยายฐานร้านค้าผู้เข้าร่วมให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้

สรุปข่าวทั้งหมด

สถานการณ์ยอดร้านค้า “คนละครึ่ง พลัส” ที่ยังไม่เป็นไปตามเป้าหมายได้กระตุ้นให้กระทรวงมหาดไทยต้องเร่งระดมสรรพกำลังทั่วประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระดับตำบลและชุมชน เพื่อเร่งเชิญชวนผู้ประกอบการให้เข้าร่วมโครงการก่อนวันคิกออฟ การสั่งการด่วนไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทุกแห่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของภาครัฐในการขับเคลื่อนโครงการนี้ให้ประสบความสำเร็จ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากและลดภาระค่าครองชีพของประชาชน การบูรณาการความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน รวมถึงการใช้กลไกการทำงานเชิงรุกในพื้นที่ จะเป็นกุญแจสำคัญในการผลักดันให้ยอดร้านค้าเข้าร่วมโครงการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และทำให้โครงการ “คนละครึ่ง พลัส” สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ในการเป็นเครื่องมือสำคัญในการฟื้นฟูและสร้างความแข็งแกร่งให้กับเศรษฐกิจไทยได้อย่างทั่วถึงและยั่งยืนต่อไป

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here