ทร. โต้สื่อเขมรเฟกนิวส์ มีความเคลื่อนไหวล่าสุดเมื่อกองทัพเรือไทย (ทร.) ได้ออกแถลงการณ์ตอบโต้ข่าวที่ถูกเผยแพร่โดยสื่อมวลชนจากประเทศกัมพูชา อ้างว่า เจ้าหน้าที่ไทยได้กระทำการทำร้ายและล่วงละเมิดผู้ต้องหาหลบหนีเข้ามาในประเทศ ข่าวดังกล่าวสร้างความขัดแย้งและความกังวลต่อสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ ซึ่งทางกองทัพเรือยืนยันว่า ไม่เป็นความจริงและเป็นการสร้างข่าวปลอมเพื่อตีความเหตุการณ์ในทางที่ผิด
ประเด็นสำคัญจาก: ทร. โต้สื่อเขมรเฟกนิวส์ จนท.ไทยทำร้าย ล่วงละเมิดผู้ต้องหาหลบหนีเข้าเมือง
ตามรายงานที่เกิดขึ้น สื่อมวลชนกัมพูชาได้เผยแพร่ข้อมูลว่า เจ้าหน้าที่ไทยได้ปฏิบัติเกินขอบเขตสิทธิ์ของตนโดยการกระทำที่ไม่เหมาะสมต่อผู้ลี้ภัยที่หลบหนีจากประเทศกัมพูชาเข้ามาในประเทศไทย ทางฝั่งไทย โดยเฉพาะกองทัพเรือ ได้แสดงความไม่พอใจกับรายงานดังกล่าว โดยชี้แจงว่า ไม่มีการปฏิบัติหน้าที่ใดที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน ผู้ประสานงานกองทัพเรือยืนยันว่านโยบายของประเทศไทยยึดถือในหลักสิทธิมนุษยชนและปฏิบัติตามข้อกฎหมายสากล
การกล่าวหาว่ามีการทำร้ายหรือกระทำการล่วงละเมิดนั้นถูกจัดว่าเป็นเฟกนิวส์ และต้องขีดเส้นใต้ว่าไม่มีหลักฐานใด ๆ ที่เชื่อมโยงกับการกระทำตามรายละเอียดที่ถูกเผยแพร่ต่อสาธารณะ การแพร่ข่าวดังกล่าวไม่ได้เพียงแค่สร้างความเข้าใจที่ผิดพลาด แต่ยังทำร้ายสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองประเทศ ทางกองทัพเรือจึงขอให้สื่อทุกแห่งหยุดการเผยแพร่ข้อมูลที่ไม่ได้ตรวจสอบและไม่มั่นคง
รายละเอียดต่อยอดจากประเด็นข้างต้น
ตามข้อมูลที่ได้รับจาก กองทัพเรือไทยได้ให้ความร่วมมือกับหน่วยงานสากลเพื่อพิสูจน์ความจริง และยืนยันการทำงานของเจ้าหน้าที่ว่าเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่เข้มงวด ทุกการปฏิบัติหน้าที่ถูกตรวจสอบเพื่อมั่นใจว่าปลอดภัยและเคารพสิทธิ์บุคคลทั้งสองฝ่ายทั้งในระดับความปลอดภัยของผู้ลี้ภัยและเจ้าหน้าที่เอง นอกจากนี้ กองทัพยังคงเปิดช่องทางการติดต่อกับองค์กรเฝ้าระวังจากกลุ่มสิทธิมนุษยชนที่คอยตรวจสอบอยู่เสมอ
นับตั้งแต่เหตุการณ์เกิดขึ้น ทางกองทัพได้เข้มงวดมาตรการเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความผิดพลาดใด ๆ ในการเข้าปฏิบัติงานตามแนวชายแดน และได้ลงทุนในการอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนเพิ่มเติมแก่เจ้าหน้าที่ด้วยเช่นกัน ทั้งนี้เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับสาธารณชน และเพื่อรักษาภาพลักษณ์ของประเทศไทยให้ค้าอยู่ในเวทีโลก
สรุปข่าวทั้งหมด
จากกรณีข้อกล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่ไทยกระทำการทำร้ายและล่วงละเมิดผู้ต้องหา ทางกองทัพเรือได้ออกมาแถลงยืนยันว่าข่าวดังกล่าวเป็นข่าวปลอมและไม่มีมูลความจริง โดยย้ำถึงการดำเนินงานตามหลักสิทธิมนุษยชน ทั้งยังได้ดำเนินมาตรการตรวจสอบข้อเท็จจริงทั่วถึงเพื่อป้องกันการเข้าใจผิดในอนาคต ข่าวปลอมลักษณะนี้สร้างผลกระทบที่ไม่ดีต่อความร่วมมือระหว่างชาติและการทำงานที่เป็นกลางของเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้ยังคงต้องติดตามความคืบหน้าในเรื่องการขับเคลื่อนมาตรการต่างๆ ในอนาคตเพื่อรักษาความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างประเทศต่อไป
