ไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นอย่างเข้มข้นถึงกรณีข้อความแชตหลุดที่อ้างว่าเป็นของนายไอซ์ รักชนก ศรีนอก ส.ส. พรรคก้าวไกล โดยเนื้อหาในแชตดังกล่าวระบุถึงการสั่งการให้ปั่นข่าวเพื่อโจมตี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กรณีที่ประชุมวิปสามฝ่ายเห็นชอบให้เลื่อนญัตติอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติออกไปจากกำหนดเดิม ไผ่ ลิกค์ ได้ตั้งคำถามถึงเจตนาของการกระทำดังกล่าวว่าเป็นการทำเพื่อประโยชน์ของประชาชน หรือเป็นเพียงการหวังผลทางการเมืองเพื่อคะแนนเสียง โดยเน้นย้ำถึงบทบาทของ ส.ส. ในการทำหน้าที่เพื่อส่วนรวมมากกว่าการสร้างความขัดแย้งทางการเมือง
ประเด็นสำคัญจาก: “ไผ่” ขยี้ซ้ำ “ไอซ์” ปมแชตหลุดสั่งปั่นข่าวเล่นงาน “ธรรมนัส” ถามทำเพื่อปชช.หรือคะแนนเสียง
ประเด็นสำคัญของข่าวนี้อยู่ที่การเปิดเผยข้อความแชตส่วนตัวที่ถูกอ้างว่าเป็นของนายไอซ์ รักชนก ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับการชี้นำให้กลุ่มผู้สนับสนุนหรือทีมงานปั่นกระแสข่าวในเชิงลบเพื่อโจมตี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า หลังจากที่การพิจารณาญัตติอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ (มาตรา 152) ถูกเลื่อนออกไป โดยตามกำหนดเดิมการพิจารณาญัตตินี้จะเกิดขึ้นก่อนการปิดสมัยประชุมสภา แต่ที่ประชุมวิปสามฝ่ายได้มีมติร่วมกันให้เลื่อนออกไป ทำให้เกิดความไม่พอใจในกลุ่ม ส.ส. ฝ่ายค้านบางส่วน ซึ่งนำไปสู่ข้อกล่าวหาเรื่องการบงการสร้างกระแสโจมตี ร.อ.ธรรมนัส
นายไผ่ ลิกค์ ได้ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยกับการกระทำดังกล่าว โดยชี้ให้เห็นว่าการเลื่อนญัตติอภิปรายนั้นเป็นมติร่วมกันของวิปสามฝ่าย ซึ่งประกอบด้วยตัวแทนของพรรคร่วมรัฐบาล พรรคฝ่ายค้าน และวุฒิสภา การกระทำเช่นนี้จึงถือเป็นการตอกลิ่มความขัดแย้งและสร้างความแตกแยกโดยไม่จำเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการนำเสนอข่าวในลักษณะชี้นำและทำลายความน่าเชื่อถือของบุคคลอื่น นี่เป็นการกระทำที่ ส.ส. ระดับประเทศไม่ควรปฏิบัติ เนื่องจากหน้าที่หลักของ ส.ส. คือการเป็นผู้แทนของประชาชนในการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล รวมถึงผลักดันนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ
รายละเอียดต่อยอดจากประเด็นข้างต้น
การเลื่อนญัตติอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 ถือเป็นเรื่องสำคัญในกระบวนการรัฐสภา ซึ่งฝ่ายค้านมีสิทธิ์ที่จะตรวจสอบและตั้งคำถามต่อการทำงานของรัฐบาล อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจเลื่อนญัตติเป็นผลมาจากการหารือร่วมกันของวิปสามฝ่าย ซึ่งมีเหตุผลหลายประการ เช่น การจัดลำดับความสำคัญของระเบียบวาระการประชุม หรือการประเมินสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนั้น การที่นายไผ่ ลิกค์ หยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาเพื่อท้วงติงการกระทำของนายไอซ์ รักชนก สะท้อนให้เห็นถึงความกังวลเกี่ยวกับการใช้สื่อสังคมออนไลน์และกลยุทธ์การสื่อสารเพื่อสร้างกระแสโจมตีทางการเมือง ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อบรรยากาศการทำงานในสภาและภาพลักษณ์ของนักการเมืองโดยรวม ทั้งนี้ นายไผ่ ยังเน้นย้ำถึงการทำหน้าที่ของนักการเมืองที่ควรยึดหลัก ‘ทำเพื่อประชาชน’ เป็นสำคัญ ไม่ใช่ ‘ทำเพื่อคะแนนเสียง’ หรือ ‘ทำเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน’
นายไผ่ ลิกค์ ย้ำว่าการสร้างข่าวหรือการปั่นกระแสในลักษณะดังกล่าวเป็นการกระทำที่ไม่สร้างสรรค์และไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสาธารณะ พร้อมทั้งยังได้กล่าวว่า หากนักการเมืองต้องการที่จะตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล ควรดำเนินการผ่านกลไกและช่องทางที่เหมาะสมตามรัฐธรรมนูญ เช่น การซักฟอกในสภา การยื่นญัตติ หรือการใช้เวทีอภิปรายที่ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อให้ข้อมูลที่ถูกต้องและครบถ้วนแก่ประชาชน การใช้การสร้างกระแสผ่านสื่อสังคมออนไลน์ในลักษณะที่มุ่งโจมตีบุคคลอาจเข้าข่ายการใส่ร้ายป้ายสี ซึ่งไม่ใช่แนวทางที่ถูกต้องและเป็นธรรมในการทำงานทางการเมืองที่ควรจะเป็น การแสดงท่าทีของนายไผ่ ลิกค์ ครั้งนี้จึงเป็นการส่งสัญญาณถึงนักการเมืองคนอื่นๆ ให้ตระหนักถึงความรับผิดชอบในการใช้ตำแหน่งทางการเมืองและอำนาจในการสื่อสาร
สรุปข่าวทั้งหมด
เหตุการณ์ข้อความแชตหลุดที่อ้างว่าเป็นของนายไอซ์ รักชนก ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับการสั่งการให้ปั่นข่าวโจมตี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า กรณีเลื่อนญัตติอภิปรายตามมาตรา 152 ได้กลายเป็นประเด็นร้อนทางการเมืองที่นายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ ออกมาขยี้ซ้ำและตั้งคำถามถึงเจตนารมณ์ โดยมองว่าการกระทำดังกล่าวมุ่งเน้นการสร้างคะแนนเสียงและความขัดแย้งทางการเมืองมากกว่าการทำเพื่อผลประโยชน์ของประชาชน การโต้แย้งนี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการทำหน้าที่นักการเมืองอย่างสร้างสรรค์และยึดหลักธรรมาภิบาล พร้อมทั้งสะท้อนปัญหาเกี่ยวกับการใช้สื่อออนไลน์เป็นเครื่องมือในการสร้างกระแสโจมตีทางการเมือง ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรได้รับการพิจารณาและแก้ไขเพื่อให้บรรยากาศทางการเมืองเป็นไปในทิศทางที่โปร่งใสและเป็นประโยชน์ต่อสังคมโดยรวม









