สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว อดีตปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะที่ปรึกษาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้เปิดเผยถึงภาพรวมของผลสำเร็จที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้จากการเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 43 และการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ว่าเป็นไป
ในทิศทางที่ดีและมีความคืบหน้าอย่างชัดเจน แม้ว่านายกรัฐมนตรีจะเพิ่งเข้ารับตำแหน่งและดำรงตำแหน่งมาได้เพียง 4 เดือน โดยมุ่งเน้นการสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการดำเนินนโยบายต่างประเทศในระยะยาว ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการฟื้นฟูบทบาทของประเทศไทยในเวทีระหว่างประเทศ
พร้อมกับการพบปะหารือกับผู้นำหลายประเทศเพื่อกระชับความสัมพันธ์และเปิดประตูสู่โอกาสใหม่ๆ
ประเด็นสำคัญจาก: ”สีหศักดิ์“ เผยนายกฯ ประชุมอาเซียน-เอเปคประสบความสำเร็จ พบผู้นำหลายประเทศ ย้ำมองรากฐานระยะยาวแม้อยู่ 4 เดือน
การเข้าร่วมการประชุมระดับโลกเป็นครั้งแรกของนายเศรษฐา ทวีสิน ในฐานะนายกรัฐมนตรี ถือเป็นก้าวสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงความกระตือรือร้นและวิสัยทัศน์ของรัฐบาลชุดปัจจุบันในการให้ความสำคัญกับบทบาทของประเทศไทยในเวทีโลก โดยนายเศรษฐา ได้ใช้โอกาสนี้ในการสร้างความคุ้นเคยและสานสัมพันธ์กับผู้นำจากหลากหลายประเทศ อาทิ การเข้าเยี่ยมคารวะและหารือกับประธานาธิบดีจีน ซึ่งเป็นพันธมิตรทางเศรษฐกิจที่สำคัญ การพบปะกับประธานาธิบดีฝรั่งเศส เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับความร่วมมือทวิภาคี และการพูดคุยกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งเป็นเสาหลักของเศรษฐกิจโลก
การพบปะเหล่านี้ไม่เพียงแต่เป็นการสร้างมิตรภาพส่วนตัว แต่ยังเป็นการเปิดช่องทางในการหารือประเด็นสำคัญ ทั้งการค้า การลงทุน และความร่วมมือด้านอื่นๆ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ
นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ได้ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า ท่ามกลางสถานการณ์โลกที่มีความผันผวนและเต็มไปด้วยความท้าทาย การที่นายกรัฐมนตรีสามารถสร้างเครือข่ายและความร่วมมือกับผู้นำประเทศต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว ถือเป็นสัญญาณที่ดีและเป็นการวางรากฐานที่มั่นคงสำหรับการดำเนินนโยบายต่างประเทศในอนาคต
โดยเน้นย้ำว่าแม้จะเป็นช่วงเวลา 4 เดือนแรกของการบริหารงาน แต่รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการสร้างรากฐานระยะยาวมากกว่าการหวังผลในระยะสั้น การประชุมในครั้งนี้จึงไม่ใช่เพียงการเข้าร่วมตามวาระ แต่เป็นการแสดงเจตนารมณ์ที่ชัดเจนว่าประเทศไทยพร้อมที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหาและความท้าทายระดับโลก และพร้อมที่จะทำงานร่วมกับทุกฝ่ายเพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน
นอกจากนี้ ในการประชุมเอเปค ซึ่งเป็นเวทีความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่สำคัญ นายกรัฐมนตรีมีโอกาสแสดงวิสัยทัศน์และนโยบายของรัฐบาลในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน การเน้นย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในด้านต่างๆ อาทิ การเป็นศูนย์กลางการลงทุน การท่องเที่ยว และพลังงานสะอาด
เป็นสิ่งสำคัญที่จะดึงดูดความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติและเสริมสร้างความเชื่อมั่นในสายตาประชาคมโลก การเข้าร่วมประชุมด้วยความกระตือรือร้นและการนำเสนอประเด็นอย่างมีประสิทธิภาพ ย่อมส่งผลดีต่อภาพลักษณ์ของประเทศและโอกาสในการขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนาคต
รายละเอียดต่อยอดจากประเด็นข้างต้น
การที่นายกรัฐมนตรีได้พบปะหารือกับผู้นำประเทศสำคัญหลายท่านนั้น มีนัยยะที่ลึกซึ้งกว่าเพียงการแลกเปลี่ยนคำทักทาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพบกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ซึ่งเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่งของไทย และประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส ซึ่งเป็นมหาอำนาจในสหภาพยุโรป รวมถึงประธานาธิบดี โจ ไบเดน ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นผู้นำเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก แสดงให้เห็นถึงความพยายามของนายกรัฐมนตรีในการสร้างสมดุลเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างมหาอำนาจต่างๆ เพื่อรักษาผลประโยชน์สูงสุดของชาติ การหารือเหล่านี้ครอบคลุมประเด็นกว้างขวาง ตั้งแต่การกระตุ้นการค้าการลงทุนไปจนถึงความร่วมมือด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยไม่จำกัดอยู่เพียงกรอบความสัมพันธ์แบบดั้งเดิม
นายสีหศักดิ์ยังย้ำว่า ผลสัมฤทธิ์ที่เกิดขึ้นในช่วง 4 เดือนแรก ไม่ได้เน้นที่จำนวนข้อตกลงหรือบันทึกความเข้าใจที่ลงนาม แต่อยู่ที่การสร้างความเข้าใจอันดีและวางรากฐานความสัมพันธ์ที่มั่นคง ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการต่อยอดความร่วมมือในระยะยาว การที่นายกรัฐมนตรีสามารถสร้างความประทับใจและได้รับความไว้วางใจจากเหล่าผู้นำโลก ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการผลักดันวาระสำคัญของประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเศรษฐกิจสีเขียว การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน หรือการส่งเสริมบทบาทของอาเซียนในฐานะกลไกสำคัญในการสร้างเสถียรภาพและความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาค การมองข้ามผลลัพธ์ระยะสั้นไปสู่การวางรากฐานที่แข็งแกร่ง สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ที่ครอบคลุมและรอบด้านของรัฐบาลชุดใหม่
สรุปข่าวทั้งหมด
โดยสรุปแล้ว การเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียนและเอเปคของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างน่าพอใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการสร้างความสัมพันธ์และวางรากฐานสำหรับการดำเนินนโยบายต่างประเทศในระยะยาว แม้จะเพิ่งเข้ารับตำแหน่งได้เพียง 4 เดือน การที่นายกรัฐมนตรีได้พบปะหารือกับผู้นำประเทศสำคัญหลายราย แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการฟื้นฟูบทบาทของประเทศไทยในเวทีโลก และเปิดประตูสู่โอกาสใหม่ๆ ในด้านการค้า การลงทุน และความร่วมมือในหลากหลายมิติ ซึ่งนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ได้เน้นย้ำว่าผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นเป็นการลงทุนเพื่ออนาคต โดยไม่ได้มุ่งเน้นเพียงผลตอบแทนระยะสั้น แต่เป็นการสร้างความเชื่อมั่นและเครือข่ายที่แข็งแกร่ง เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศไทยในระยะยาวต่อไป.









