กมธ.มั่นคง – คณะกรรมาธิการการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดน ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร เตรียมเดินหน้าสอบสวนกรณีกลุ่มทุนจีนสีเทาที่เกี่ยวข้องกับบริษัท บีไอซี กรุ๊ป โดยกำหนดเชิญนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รวมถึงนายวรภัค ธันยาวิเชษฐ์ อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงไทย และบริษัท ไพร์มสตรีท จำกัด เข้าชี้แจงในวันที่ 5 พฤศจิกายนนี้ การดำเนินการดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่คณะกรรมาธิการฯ ได้ตรวจสอบเอกสารและพิจารณารายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างและการดำเนินงานของบริษัท บีไอซี กรุ๊ป ซึ่งมีข้อสังเกตบางประการเกี่ยวกับการถือครองกรรมสิทธิ์และการบริหารจัดการที่อาจเชื่อมโยงกับกลุ่มทุนต่างชาติที่มีปัญหา คณะกรรมาธิการฯ มุ่งหวังที่จะได้รับข้อมูลที่ชัดเจนและครบถ้วนจากผู้เกี่ยวข้อง เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาและหาแนวทางป้องกันผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
ประเด็นสำคัญจาก: กมธ.มั่นคง ลุยสอบทุนเทา 5 พ.ย. กรณี บีไอซี กรุ๊ป เชิญ “อนุทิน-วรภัค” ชี้แจง พร้อมไพร์มสตรีท
ประเด็นหลักในการสอบสวนของคณะกรรมาธิการการความมั่นคงแห่งรัฐฯ มุ่งเน้นไปที่ความสัมพันธ์และบทบาทของบริษัท บีไอซี กรุ๊ป กับกลุ่มทุนจีนสีเทา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเข้ามาลงทุนและถือครองทรัพย์สินในประเทศไทย ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของชาติ การเชิญนายอนุทิน ชาญวีรกูล เข้าชี้แจงนั้น เนื่องจากดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการกำกับดูแลงานด้านการทะเบียนราษฎร ทรัพย์สิน และการออกใบอนุญาตต่างๆ ที่อาจเกี่ยวข้องกับการเข้ามาลงทุนของกลุ่มทุนต่างชาติ รวมถึงการตรวจสอบนิติบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการถือครองที่ดินและกิจการอื่นๆ
ในขณะเดียวกัน นายวรภัค ธันยาวิเชษฐ์ อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงไทย และบริษัท ไพร์มสตรีท จำกัด ก็ถูกเชิญเข้าชี้แจงด้วย เนื่องจากเป็นผู้ที่มีความรู้และความเชี่ยวชาญด้านการเงินและการลงทุน นอกจากนี้ บทบาทของบริษัท ไพร์มสตรีท จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลงทุน ที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงสร้างการเงินและการลงทุนของ บีไอซี กรุ๊ป ก็เป็นอีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่คณะกรรมาธิการฯ ต้องการตรวจสอบ เพื่อทำความเข้าใจถึงรูปแบบและช่องทางที่กลุ่มทุนเหล่านี้ใช้ในการดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจในประเทศไทย การตรวจสอบครั้งนี้จึงเป็นการรวบรวมข้อมูลจากหลายภาคส่วน เพื่อให้เห็นภาพรวมของสถานการณ์ได้อย่างรอบด้านและเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย
การสอบสวนเรื่องทุนสีเทาเป็นเรื่องที่มีความซับซ้อนและละเอียดอ่อน ต้องใช้ความระมัดระวังในการตรวจสอบข้อเท็จจริงและหลักฐานต่างๆ อย่างรอบคอบ คณะกรรมาธิการฯ จึงต้องอาศัยข้อมูลจากทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรง เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาอย่างถี่ถ้วน การเปิดเผยข้อมูลและการชี้แจงในวันที่ 5 พฤศจิกายนนี้ คาดว่าจะสร้างความกระจ่างในหลายประเด็นที่ประชาชนให้ความสนใจ และเป็นแนวทางในการป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
รายละเอียดต่อยอดจากประเด็นข้างต้น
คณะกรรมาธิการฯ ได้ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ามีกลุ่มทุนต่างชาติพยายามเข้ามาถือครองกรรมสิทธิ์ในสินทรัพย์ต่างๆ ผ่านนิติบุคคลไทย หรือการใช้ผู้รับมอบอำนาจ ซึ่งอาจเข้าข่ายการเลี่ยงกฎหมายหรือมีเจตนาแอบแฝง การอ้างอิงถึงบริษัท บีไอซี กรุ๊ป เป็นกรณีศึกษา เนื่องจากมีข้อมูลบางส่วนที่แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมโยงกับโครงสร้างการลงทุนที่ซับซ้อนและอาจมีผู้เกี่ยวข้องหลายฝ่าย การตรวจสอบในครั้งนี้จึงมุ่งเน้นไปที่การทำความเข้าใจถึงที่มาของเงินทุน โครงสร้างการบริหารงาน และผู้ที่ได้รับประโยชน์สูงสุดจากการดำเนินกิจการของบริษัทเหล่านี้ เพื่อให้แน่ใจว่าการดำเนินการเป็นไปอย่างโปร่งใส และไม่ขัดต่อกฎหมายและผลประโยชน์ของชาติ
นอกจากนี้ ยังมีการพิจารณาถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อเศรษฐกิจภายในประเทศ หากมีการเข้ามาของทุนนอกระบบหรือทุนสีเทาในลักษณะนี้ ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาการฟอกเงิน การค้ามนุษย์ หรือกิจกรรมที่ผิดกฎหมายอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการถือครองที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม การชี้แจงจากบุคคลสำคัญที่เกี่ยวข้องกับทั้งภาครัฐและภาคเอกชน จะเป็นส่วนสำคัญในการให้ข้อมูลเชิงลึกและเปิดเผยรายละเอียดที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน เพื่อให้คณะกรรมาธิการฯ สามารถประเมินสถานการณ์และเสนอแนะแนวทางแก้ไขปัญหาและป้องกันการเกิดซ้ำของเหตุการณ์ในลักษณะนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืนในระยะยาว
สรุปข่าวทั้งหมด
สรุปคือ คณะกรรมาธิการการความมั่นคงแห่งรัฐฯ มีกำหนดสอบสวนกรณีทุนจีนสีเทาที่เกี่ยวข้องกับบริษัท บีไอซี กรุ๊ป ในวันที่ 5 พฤศจิกายนนี้ โดยเชิญนายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, นายวรภัค ธันยาวิเชษฐ์ อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงไทย และบริษัท ไพร์มสตรีท จำกัด เข้าชี้แจง การสอบสวนนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อตรวจสอบความโปร่งใสของโครงสร้างการลงทุน การถือครองทรัพย์สิน และป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อความมั่นคงของชาติจากกลุ่มทุนต่างชาติที่อาจแอบแฝง ขณะนี้ยังคงต้องติดตามผลการชี้แจงในวันดังกล่าว เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครบถ้วนและชัดเจนยิ่งขึ้น และนำไปสู่การหาแนวทางป้องกันปัญหาในอนาคต









